ผู้ชายก็มีไอเดียถ่ายรูปสวย เท่ ได้ไม่แพ้สาว ๆ นะ

ปัจจุบันในโลกของสื่อสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ หลากหลาย Platform ต่างก็เข้ามามีอิทธิพลต่อผู้คนในสังคมเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าในโลกเสมือนนี้หากใครสามารถนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ได้น่าสนใจมากกว่า ก็จะมีผู้คนให้ความสนใจและคอยติดตามมากตามไปด้วย ซึ่งรูปภาพก็เป็นหนึ่งในสื่อมีเดียที่สามารถสื่อความหมายได้อย่างดีประเภทหนึ่ง อย่างที่ใครหลายคนมักพูดกันว่า หนึ่งรูปแทนความหมายหลายล้านคำ หนึ่งภาพสามารถใช้เก็บความทรงจำไว้ได้มากมาย

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าหากหนุ่ม ๆ คนไหนที่มีความสามารถหรือมีงานอดิเรกเป็นการถ่ายรูป และยิ่งถ่ายได้สวย ๆ ด้วยแล้ว จะเป็นที่สนอกสนใจแก่สาว ๆ ส่วนใหญ่ เราไปดูกันดีกว่าว่าเหตุผลกลใดที่ทำไมผู้ชายถ่ายรูปสวยนั้น เท่เป็นอย่างไรกันบ้าง

1. ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบให้แฟนหนุ่มถ่ายรูปให้ เพราะแน่นอนว่าคนที่สาว ๆ มักจะไว้ใจไปไหนมาไหนด้วยแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็คือแฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง ดังนั้นหากหนุ่มคนไหนสามารถถ่ายรูปได้สวย ก็จะมีสาว ๆ มาให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง พวกเธอเหล่านั้นมักจะมองว่าผู้ชายที่ถ่ายรูปได้สวยนั้นมีความเท่และน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะสังเกตได้ว่าผู้ชายที่ถ่ายรูปสวยมักจะมีผู้หญิงมาขอให้ไปเป็นตากล้องจำเป็นให้อยู่เนือง ๆ

2. ผู้ชายถ่ายรูปสวยมักถูกมองว่าเป็นคนใส่ใจรายละเอียดดี แน่นอนว่าการถ่ายรูปให้สวยได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่มีอุปกรณ์ดีเท่านั้นก็ถ่ายได้ แต่ยังต้องมีการศึกษาเรียนรู้ มีการใส่ใจในรายละเอียดรูปภาพ ต้องมีการวางมุมภาพตามทฤษฎีที่ได้ศึกษากันมา และที่สำคัญหากเป็นการถ่ายรูปประเภทบุคคลด้วยแล้ว การให้ความสนใจ ใส่ใจในตัวแบบเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ตากล้องมืออาชีพต้องทำให้ได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าหากผู้ชายคนไหนเป็นคนที่ถ่ายรูปได้ดี ก็มักจะเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดได้ดีเช่นเดียวกัน และหนุ่ม ๆ ที่เป็นคนมีนิสัยใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ ก็มักจะเป็นที่หมายปองต่อทั้งสาวแท้สาวเทียมอย่างไม่ต้องสงสัย

3. ผู้ชายที่ถ่ายรูปได้เก่งมักถูกมองว่าเป็นนักเดินทางที่ช่างสังเกต เนื่องจากในแต่ละสถานที่นั้นต่างก็มีมุมดีมุมสวย ที่เป็นที่นิยมต่อผู้คนแตกต่างกันไป แต่เชื่อเถอะว่าผู้ชายที่ถ่ายรูปสวยมักจะหามุมสวย ๆ มุมนั้นได้อย่างง่ายดาย และหนุ่มคนนั้นก็จึงมักจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ มากพอสมควร อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นคนที่ชอบสังเกตรายละเอียดรอบตัวมากอีกด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถถ่ายรูปให้ออกมาได้มุมสวย ๆ ได้อย่างที่ใจคิด

ดังนั้นสำหรับหนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังหางานอดิเรกทำกันอยู่ล่ะก็ อย่าลืมเลือกการฝึกหัดถ่ายรูปเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะนอกจากการถ่ายรูปได้สวยจะถูกมองว่าเท่แล้วนั้น ไม่แน่ว่าอาชีพตากล้องก็อาจจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณก็ได้ ถ้าหากคุณมีความทุ่มเทฝึกฝนและเรียนรู้มากเพียงพอ

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/q8tynz

ข้อดีของ “การร้องเพลงเล่นดนตรี” งานอดิเรกที่มักอยู่คู่กับหนุ่ม ๆ

“งานอดิเรก” ถ้าจะว่ากันตามความหมายในพจนานุกรมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษหลาย ๆ เล่ม อาจจะหมายความรวม ๆ ได้ว่า เป็นงานหรือกิจกรรมที่ผู้คนมักจะทำกันยามว่าง เป็นอะไรที่ทำแล้วสามารถให้ความรื่นรมย์ต่อผู้คนได้ เป็นสิ่งที่ใครสักคนหาเวลาทำสิ่งนั้นอยู่บ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอแม้ว่าจะไม่ได้เงินเป็นสิ่งตอบแทนเลยก็ตาม และหนึ่งในงานอดิเรกซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับหนุ่ม ๆ ในยุคนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น “การร้องเพลงเล่นดนตรี” เราไปดูกันดีกว่าว่าข้อดีของการมีงานอดิเรกประเภทนี้ของหนุ่ม ๆ นั้นมีอะไรกันบ้าง

1.ความผ่อนคลาย แน่นอนว่าหากขึ้นชื่อว่าเป็นงานอดิเรกแล้วย่อมสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ทำกิจกรรมนั้น ๆ ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการร้องเพลงเล่นดนตรีด้วยแล้ว เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าแทบจะอยู่คู่กับคุณหนุ่ม ๆ ที่ชอบและให้ความสนใจกับกิจกรรมประเภทนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะชายหนุ่มที่หลงรักเสียงเพลงและการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจแล้วนั้น ย่อมที่จะมีการทำกิจกรรมนี้เพื่อความบันเทิง และความผ่อนคลายของทั้งตนเองและครอบครัวอยู่เนือง ๆ ตลอดทั้งช่วงชีวิต

2.ความมีเสน่ห์ ชายหนุ่มที่ร้องเพลงเพราะ หรือเล่นดนตรีเก่ง มักเป็นคนที่สาว ๆ มองว่ามีเสน่ห์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถสังเกตได้ทั่วไปในสังคมอยู่แล้ว ยิ่งสังเกตได้ง่ายจากเหล่าศิลปินนักร้องชายที่เป็นที่นิยมชมชอบจากสาว ๆ ทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะต่อให้หน้าตาหรือรูปร่างของนักร้องนักดนตรีคนหนึ่งจะไม่ได้ดี หรือโดดเด่นมากมายอะไรนัก แต่เชื่อเถอะว่าหากมีความสามารถทางด้านการร้องเพลง หรือการเล่นดนตรีที่ดีมาก ๆ แล้วล่ะก็ จะดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกมากมายเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่งานอดิเรกประเภทนี้จะเป็นอะไรที่อยู่คู่กันกับหนุ่ม ๆ ตลอดมา

3.ความมีวินัย การอยากร้องเพลงเล่นดนตรีเก่ง ๆ จะช่วยทำให้หนุ่ม ๆ รู้จักการมีเป้าหมายในชีวิตในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้นเพราะแน่นอนว่าการจะทำอะไรให้ได้ดีและเก่งชนิดที่ว่าเป็นที่ยอมรับจากสังคมอย่างการเล่นดนตรี หรือการฝึกหัดร้องเพลงให้ไพเราะได้นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยความมีวินัยเป็นสำคัญ และจะต้องมีการวางเป้าหมาย มีการฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นขั้นตอนกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถเล่นดนตรีให้ดีหรือร้องเพลงให้เพราะจนเป็นที่ยอมรับได้นั้น จำเป็นจะต้องอาศัยเวลาและความอดทนในการศึกษาเรียนรู้ ฝึกฝนค่อนข้างมาก อันจะเห็นได้ว่านักร้อง นักดนตรีส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต และเป็นคนที่มีวินัยในตนเองค่อนข้างสูงมากนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อคุณหนุ่ม ๆ หรือคุณสาว ๆ ทั้งหลายเห็นถึงข้อดีของงานอดิเรกประเภทการร้องเพลงและการเล่นดนตรีกันแล้ว ก็อาจจะช่วยให้มีแรงบันดาลใจในการที่จะลุกขึ้นมาฝึกฝนงานอดิเรกประเภทนี้กันเพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อย และไม่แน่ว่าหากฝึกฝนจนเก่งมาก ๆ แล้วนั้น งานอดิเรกอาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำเพื่อความผ่อนคลายเพียงอย่างเดียว แต่อาจสามารถพัฒนาให้กลายมาเป็นอาชีพเสริมในอนาคตด้วยก็เป็นได้

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/havynz

3 ทริคท่องเที่ยวอย่างไรให้ประหยัดเงิน

การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นกิจกรรมที่ให้ความผ่อนคลายกับผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม เพราะแน่นอนว่าหลังจากที่ตรากตรำกรำงานหนักกันมาเป็นแรมเดือนแรมปี การได้หยุดพักผ่อนไปท่องเที่ยวบ้างก็เป็นการได้พักผ่อนและเหมือนได้ชาร์จพลังใจไปในตัว แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ตลอดจนวิกฤตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคร้าย หรือการทะเลาะเบาะแว้งต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน และความไม่มั่นคงในฐานะทางการเงิน เศรษฐกิจและสังคมได้ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็น แต่จะดีกว่าไหมถ้าสามารถเที่ยวอย่างประหยัดเงินได้ ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับ 3 ทริคท่องเที่ยวอย่างไรให้ประหยัดเงิน ไปดูกันเลย..

1.เที่ยวกันหลาย ๆ คน ไม่ใช่แค่เพิ่มความสนุกแต่ยังช่วยเพิ่มตัวหารได้อีกทางหนึ่ง หลาย ๆ คน อาจจะรู้สึกว่าตัวเองชอบการท่องเที่ยวแบบที่ไม่ต้องมีผู้คนร่วมเดินทางด้วยเยอะ ๆ หรืออาจจะชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบตัวคนเดียวอยู่บ่อย ๆ แต่อย่าลืมว่าหากต้องการที่จะประหยัดงบค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวให้ได้แล้วล่ะก็ การมีเพื่อน ๆ ที่สนิทและรู้ใจกันร่วมเดินทางไปด้วยกันในสถานที่ต่าง ๆ ย่อมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการที่จะช่วยกันแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวลงได้ และที่สำคัญการมีเพื่อนร่วมทางยังให้ความรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจมากกว่าการเดินทางในสถานที่อันไม่คุ้นเคยเพียงลำพังตัวคนเดียวอีกด้วย

2.เที่ยววันธรรมดาประหยัดดี แน่นอนว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หลาย ๆ คนเป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งหมายความว่าการจะมีเวลาท่องเที่ยวได้นั้นจะต้องอาศัยวันหยุดตามเทศกาลต่าง ๆ และหากใครรอที่จะท่องเที่ยวตามวันหยุดดังกล่าวแล้วล่ะก็ อาจจะประสบปัญหากับสิ่งที่เรียกว่า “แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว” ก็เป็นได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่สามารถแนะนำได้ก็คือ การเลือกท่องเที่ยวในวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุด เพราะนอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงการฝ่าฝูงชนเพื่อท่องเที่ยวแล้ว ในช่วงวันธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน หรือค่าที่พักต่าง ๆ ก็ค่อนข้างที่จะมีราคาถูกกว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์อีกด้วย ยิ่งถ้ามีการวางแผนการจองทุกอย่างล่วงหน้าด้วยแล้ว ก็จะยิ่งช่วยประหยัดงบท่องเที่ยวลงไปได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทราบกันดีของการท่องเที่ยวให้ประหยัดด้วยวิธีนี้ ก็คือ การเคลียร์งานและวันหยุดประจำปีให้ลงตัวนั่นเอง

3.วางแผนละเอียดนอกจากจะเที่ยวอย่างสบายใจแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย ดังคำที่เขาว่ากันว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ปฏิเสธไม่ได้ว่าการวางแผนท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งความสุขของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พัก หรือสถานที่รับประทานอาหาร ตลอดจนสถานที่ซื้อของฝากต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้น หากเรามีการวางแผนการจอง วางแผนคัดเลือกสถานที่ มีเป้าหมายมาแล้วเป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้วยังช่วยให้ประหยัดเวลาได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 3 ทริคท่องเที่ยวอย่างไรให้ประหยัดเงิน ที่เรานำมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทริคเหล่านี้จะสามารถช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวของทุกคนสนุก และประหยัดได้ตามงบที่ตั้งกันไว้ไม่มากก็น้อย

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/vevynz

เตรียมตัวท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอย่างไร ให้มั่นใจไร้กังวล

การท่องเที่ยว คือ สิ่งที่ใคร ๆ หลายคนให้ความสนใจมาเป็นอันดับต้น ๆ ของชีวิต เพราะบางคนมองว่า คนเราเกิดมามีชีวิตเพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นหากมีโอกาสก็ควรนำพาชีวิตตัวเองไปพบเจอกับความท้าทายและประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าการออกไปท่องโลกกว้างนั้นเป็นหนึ่งสิ่งที่จะสามารถตอบโจทย์ของเป้าประสงค์ในข้อดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม และแน่นอนว่าการท่องเที่ยวภายแต่ในประเทศซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองนั้นย่อมไม่เพียงพอกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่าง ๆ ที่อยากได้ เพราะโลกนี้นั้นจะว่าแคบก็แคบ จะว่ากว้างก็กว้าง ดังนั้นการได้ออกไปเพื่อท่องเที่ยวยังต่างประเทศครั้งแรกคงเป็นอะไรที่ใคร ๆ หลายคนใฝ่ฝันถึง และอยากลองทำกันดูสักครั้ง แต่ด้วยความที่เป็นต่างประเทศ หลาย ๆ คนก็อาจจะเกิดความประหม่าในการที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ห่างไกลและไม่คุ้นเคยนี้ครั้งแรก ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอย่างไร ให้มั่นใจไร้กังวล ไปดูกันได้เลย..

1.เลือกประเทศและช่วงเวลาที่ต้องการเดินทาง เนื่องจากการเลือกประเทศและช่วงเวลาจะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจวางแผนการท่องเที่ยวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก การจัดเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาลในแต่ละประเทศ ณ ช่วงเวลาที่ต้องการจะเดินทางไป

2.เมื่อเลือกประเทศได้แล้วก็หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการจะไป เพราะบางสถานที่อาจจะมีเวลาเปิดปิดที่แตกต่างกัน อีกทั้งระยะทางอาจจะใกล้ไกลต่างกัน การรู้ความต้องการว่าเราและคณะจะไปเยือนที่ใดบ้าง จึงเปรียบเสมือนการวางแผนการเดินทางในแต่ละวันให้ไปมาแต่ละสถานที่ และกลับที่พักได้โดยง่าย สะดวกไม่ย้อนไป อ้อมมา อีกทั้งการรู้รายละเอียด ประวัติความเป็นมาของแต่ละสถานที่ก็จะช่วยทำให้การท่องเที่ยวมีความน่าสนใจและสนุกสนานเพิ่มมากขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย

 3.ตรวจสอบว่าประเทศที่ต้องการไปนั้นสามารถใช้พาสปอร์ตเพื่อเข้าประเทศได้เลย หรือว่าจำเป็นจะต้องทำเรื่องขอ Visa เพื่อเข้าประเทศนั้น ๆ ก่อน หากต้องทำเรื่องขอ Visa จะได้จัดการให้เรียบร้อยก่อนการเดินทาง และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบระยะเวลาของพาสปอร์ตให้ดีว่าเหลือเวลาเกิน 6 เดือนก่อนหมดอายุหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ตม. แต่ละประเทศนั้นมักไม่ค่อยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่มีวันหมดอายุพาสปอร์ตต่ำกว่า 6 เดือนเข้าประเทศ ดังนั้นตรวจสอบให้มั่นใจจะได้ไม่มีปัญหาว่าเข้าประเทศที่ต้องการไปท่องเที่ยวไม่ได้

4.แลกเงินตราต่างประเทศที่ต้องใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวให้เรียบร้อย แนะนำว่าควรแลกเงินตามสถาบันการเงินภายนอกสนามบินดีกว่า เพราะจะได้อัตราที่ดีกว่า อีกทั้งหากเป็นไปได้ ควรตรวจสอบอัตราการแลกเปลี่ยนเงินในช่วงเวลาที่ได้ความคุ้มค่ามากที่สุด นอกจากนี้การพกบัตรเครดิตติดตัวไปด้วยก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเลือกใช้จ่าย เพราะการพกเงินสดจำนวนมากไปจ่ายหน้างานอาจจะมีปัญหาอาชญากรรม หรืออาจเกินเรทที่แต่ละประเทศกำหนดให้นำเงินสดติดตัวเข้าประเทศก็เป็นได้

5.ควรทำประกันการเดินทาง หรือประกันสุขภาพขณะท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย เพื่อช่วยลดความเสี่ยง ของแบบนี้เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าหากแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน

นอกจากวิธีการเตรียมตัวดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก่อนวันเดินทางขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ จัดเตรียมสัมภาระสำหรับการเดินทางให้เรียบร้อย และควรมาเช็คอินที่สนามบินก่อนเวลาอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เพื่อป้องกันการตกเครื่องโดยไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่เตรียมตัวมาอาจสูญเปล่าก็เป็นได้ สำหรับใครที่กำลังจะมีแผนเดินทางต่างประเทศครั้งแรกเร็ว ๆ นี้ ก็ขอให้โชคดีและสนุกกับการท่องเที่ยวอย่างที่คาดหวังไว้โดยสวัสดิภาพ

เครดิตภาพ:  https://pixabay.com/photos/hiking-trekking-mountains-backpack-1031383/

How to เวลา 1 วัน เที่ยวที่ไหนได้บ้าง

การท่องเที่ยวสำหรับเรา ๆ วัยทำงานนั้น จะว่าไปก็เปรียบเหมือนยาชูกำลัง กล่าวคือ เป็นเหมือนช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจ พักสมองจากเรื่องที่เครียด ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากที่ทำงาน หรือจากผู้คนที่พบเจอในสังคม ข้อดีของการท่องเที่ยวอีกอย่างก็คือการได้มีโอกาสออกไปพบปะผู้คนที่เราคุ้นเคย เพื่อนสนิทมิตรสหายที่อาจจะไม่ค่อยได้มีเวลาพูดคุยกัน หรือกระทั่งการได้มีโอกาสใช้เวลากับคนที่เรารัก และครอบครัวเพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาคุณภาพที่ใคร ๆ ก็อยากมีโอกาสได้ใช้กันบ่อย ๆ

แต่ในปัจจุบัน จะด้วยภาระงาน หรือความจำเป็นใด ๆ ก็ตาม ใครหลาย ๆ คนก็อาจจะมีเวลาให้ได้ออกไปเผชิญโลกกว้างอย่างค่อนข้างจำกัด บางคนมีแค่เพียงวันเดียวต่อเดือน หรือต่อหลาย ๆ เดือนก็มี ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำกันสำหรับผู้อ่านท่านใดก็ที่มีเวลาท่องเที่ยวจำกัดแค่วันเดียว ว่าท่านจะสามารถไปเที่ยวยังสถานที่แห่งใดกันได้บ้าง ไปดูกันเลย

1.สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วในแทบทุกจังหวัด หรือบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดที่ท่านอยู่ ก็มักจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้ได้ไปลองศึกษาความเป็นมา หรือไปใช้เวลารำลึกถึงรากเหง้าความเป็นมาของสังคม ผู้คน ตลอดจนวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดที่ท่านอยู่กันได้ไม่มากก็น้อย หรือกระทั่งบางสถานที่ก็อาจจะมีเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับความเป็นมาของประเทศไทย เรียกได้ว่านอกจากเป็นการพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังได้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ไปประดับความคิด เอาไว้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับคนที่สนใจเหมือน ๆ กันต่อไป และสำหรับใครที่อยู่กรุงเทพแต่ไม่ทราบว่าจะไปท่องเที่ยวยังสถานที่เหล่านี้ได้ที่ไหน ก็แนะนำเป็น อุทยานประวัติศาสตร์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือจะเป็นพระนารายณ์ราชนิเวศน์ และบ้านวิชาเยนทร์ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งสามารถเดินทางไปกลับภายในวันเดียวได้สะดวกง่ายดายก็เป็นได้

2.สถานที่ท่องเที่ยวสายบุญ แน่นอนว่าเวลาวันเดียว อาจดูเหมือนไม่เยอะหากต้องออกต่างจังหวัดไกล ๆ แต่หากพูดถึงการตระเวนไหว้พระแล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าเหลือ ๆ กันเลยทีเดียว เอาเป็นว่ามากน้อยก็สามารถที่จะจัดทริปแบบไหว้พระ 5 วัด 7 วัด หรือ 9 วัด ในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ หรือจังหวัดใกล้เคียงกันได้เลยทีเดียว เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่จะมีวัดแทบทุกหัวระแหง ในแทบจะทุก ๆ พื้นที่ ดังนั้นการท่องเที่ยวสายบุญไหว้พระก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะได้ออกมาใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว คนที่รักแล้ว ยังถือเป็นการสงบจิตสงบใจ ได้ทำบุญไปในตัวได้อีกด้วย เรียกว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม

3.สถานที่ท่องเที่ยวเชิงความรู้ สำหรับบางบ้านที่อาจจะมีเจ้าตัวเล็ก มีเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นในครอบครัว การพาพวกเขาเหล่านั้นไปเที่ยวด้วยกัน โดยสามารถที่จะสนุกสนานร่วมกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกทั้งยังได้ความรู้ต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาถกเถียงพูดคุยกันต่อไป สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นต้น และถ้าหากใครนึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี ก็ขอแนะนำเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่คลองห้า จังหวัดปทุมธานี ที่มีชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า” น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดมาไม่นานนี้ รับรองว่า ณ ที่นี้ท่านจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

เครดิตภาพ: https://pixabay.com/photos/adventure-arid-canyon-cliff-desert-2179282/

“กีฬาปีนผา” กีฬาสุดท้าทายที่ใคร ๆ ก็อยากลอง

“กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ” เป็นนิยามที่เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่เติบโตขึ้นมาจะต้องเคยได้ยินกันจนชินหู แน่นอนว่ากีฬานั้นคนที่เล่น หรือคนที่มีการออกกำลังกายกันอยู่อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำนั้นก็มักจะมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นอกจากกีฬาจะเป็นเครื่องบำบัดความเครียด เพราะทุกครั้งหลังการออกกำลังกำลังกายจะมีสารที่ชื่อว่า “เอ็นโดรฟิน” ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา และช่วยส่งผลดีต่ออารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนสุขภาพของมนุษย์เราได้ดีทางหนึ่งแล้ว สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ บางคนที่ชอบความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจ ก็มักจะหลงใหลในกีฬาบางประเภทอย่างชนิดที่เรียกว่าอาจจะถอนตัวกันไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว เพราะกีฬาบางประเภทก็ช่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ น่าหวาดเสียว หรือเป็นกีฬาที่ท้าทายกับความสามารถของพวกเขาเหล่านั้น จนทำให้อดใจไม่ให้เล่นบ่อยครั้งไม่ได้ วันนี้บทความนี้จะนำเอาตัวอย่างกีฬาสุดท้าทาย ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงต่างชื่นชอบมาฝากกัน จะเป็นกีฬาชนิดใดนั้นห้ามพลาดเด็ดขาด

กีฬาปีนผา (Rock Climbing) เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่สามารถสร้างความตื่นเต้น และเป็นกีฬาที่ท้าทายความสามารถของหนุ่ม ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยกีฬาปีนผานั้นวิธีการเล่นก็ตรง ๆ ตัว คือผู้เล่นจะต้องปีนไปตามหน้าผาที่สูงชันตามแต่ละสถานที่ โดยเป้าหมายของการเล่นก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแต่ประการใด กล่าวคือผู้เล่นจะต้องทำยังไงก็ได้ให้พาตัวเองปีนไปยังจุดที่สูงที่สุดของหน้าผานั้น ๆ ให้ได้ ซึ่งฟังเผินอาจจะดูเหมือนง่าย แต่บอกเลยว่ากีฬาชนิดนี้ไม่ง่ายเลย ต้องใช้ทั้งพละกำลังกาย และกำลังใจค่อนข้างมาก อีกทั้งยังต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแทบทุกส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณส่วนขาและแขน ซึ่งการที่จะสร้างให้ตนเองมีพละกำลังที่สามารถปีนไปตามหน้าผาสูงชันได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นจะต้องมีการฝึกฝนและฝึกซ้อมค่อนข้างมาก เสน่ห์อย่างหนึ่งเลยของกีฬาชนิดนี้สำหรับหนุ่ม ๆ ก็คงจะเป็นสภาพผาในแต่ละครั้งที่ปีน ที่จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็จะมีทั้งแบบที่เป็นหน้าผาจำลองทั้ง Indoor และ Outdoor และที่เป็นไฮไลท์เด็ดเลยก็คงจะหนีไม่พ้นการได้มีโอกาสไปปีนตามหน้าผาจริง ๆ ที่มีความสูงแตกต่างกันไป บอกเลยว่ายิ่งสูงไม่ใช่ยิ่งหนาว อย่างเดียวแต่ยิ่งเสียวตกอย่าบอกใครเชียว และอีกอย่างหนึ่งการได้มีโอกาสออกไปปีนป่ายตามหน้าผาสูงชันในแต่ละพื้นที่ก็เปรียบเสมือนการได้ออกท่องเที่ยวไปในตัวด้วยอีกทางหนึ่ง เป็นการได้ทั้งการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวธรรมชาติไปในตัว

อย่างไรก็ดีสำหรับหนุ่ม ๆ หรือสาว ๆ คนใดที่สนใจกีฬาปีนผา ก็อย่าลืมให้ความสนใจกับเรื่องของความปลอดภัยขณะปีนป่ายเป็นสำคัญ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ายิ่งสูงก็ยิ่งอันตราย ยิ่งสูงถ้าหากพลาดตกลงมาก็อาจจะเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลร้ายมากกว่าดีกับร่างกายก็เป็นได้

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/sgrznz

กว่าจะมาเป็นนักกีฬาชกมวยมืออาชีพ ใครว่าง่าย

“กีฬาชกมวย” ถือเป็นหนึ่งในศิลปะป้องกันตัวที่อยู่คู่กับประเทศไทยเรามาอย่างยาวนานนับหลายศตวรรษ ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้คนทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติให้ความสนใจกับกีฬาประเภทนี้ค่อนข้างมาก โดยจะเห็นได้จากการจัดการแข่งขันชกมวยมากมายที่ถูกจัดขึ้น และถ่ายทอดไปตามสื่อสาธารณะต่าง ๆ ทั้งทางโทรทัศน์และทางสื่อออนไลน์โดยทั่วไป แถมยังเป็นกีฬาอีกหนึ่งชนิดที่ผู้คนนิยมวางเดิมพันกันด้วย คงต้องบอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นรายกายชกมวยประเภทไหน จะมวยไทย มวยสากลต่างก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม ผู้ฟัง แฟน ๆ มวย มากมายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรเลยที่จะมีผู้คนหันมาให้ความสนใจกับอาชีพนักมวยเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องบอกเลยว่ากว่าที่คน ๆ หนึ่งจะกลายมาเป็นนักกีฬาชกมวยมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเป็นนักมวยที่ดีนั้นมันต้องใช้มากกว่าความสามารถในการชกมวย เราไปดูกันเลยดีกว่าว่านักมวยมืออาชีพหนึ่งคนเขาต้องผ่านเส้นทาง หรือต้องใช้วิธีการเตรียมตัวฝึกซ้อมกันมาแบบไหนบ้าง

1. สภาพความฟิตเป็นสิ่งสำคัญ จะสังเกตได้ว่ากว่าการชกในแต่ละยกจะหมดไปนั้น นักมวยต้องมีความเตรียมพร้อมร่างกายมากมายขนาดไหน เพื่อให้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัยในแต่ละยกของการขึ้นชกในแต่ละแมตช์การแข่งขัน ดูเผิน ๆ หนึ่งยกอาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่เชื่อเถอะว่าหากต้องไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้บนเวทีไม่ว่าจะ 3 นาที หรือ 5 นาที ก็เป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดและยาวนานกว่าปกติอยู่ดี ดังนั้นนักมวยมืออาชีพที่ดีเขาจะทำอย่างไรก็ได้ที่จะฝึกซ้อมจนกว่าจะมั่นใจว่าร่างกายของเขาจะสามารถรับหมัดของคู่ต่อสู้ได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิ่งทุกวัน การกระโดดเชือก การลุก-นั่ง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความฟิตให้กับร่างกาย เป็นต้น

2. การคุมอาหารจำเป็นมากสำหรับนักมวย เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขันชกมวยนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ตามเกณฑ์น้ำหนักตัวของนักมวยที่ถูกกำหนดไว้ ดังนั้นนักมวยทุกคนจึงมีหน้าที่คุมน้ำหนัก หรือรีดน้ำหนักตัวเองไม่ให้เกินเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นนอกจากการออกกำลังกายควบคู่กันไปที่ทำเพื่อสร้างความพร้อม ความฟิตให้กับร่างกายแล้ว การคุมอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่างที่นักโภชนาการโดยทั่วไปแนะนำว่าการลดน้ำหนักนั้น ความสำคัญของการเลือกรับประทานอาหารกับการออกกำลังกายนั้นเป็นสัดส่วนต่อกันอยู่ที่ 70 : 30 ดังนั้นการคุมอาหารโดยการลดอาหารจำพวกแป้งและไขมัน เปลี่ยนเป็นการเน้นทานผัก ผลไม้ และโปรตีนจากสัตว์ ถั่ว นม ไข่ ให้เพียงพอสำหรับใช้สารอาหารในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และที่จะขาดไม่ได้ สิ่งที่ควรทำควบคู่กันไป ก็คือ การดื่มน้ำให้มากเพียงพอที่จะช่วยล้างปริมาณเกลือส่วนเกินที่ส่งผลทำให้ร่างกายกักเก็บปริมาณน้ำมากเกินความจำเป็นออกไปได้

3. การฝึกฝนความแข็งแรงของจิตใจสำคัญไม่แพ้ความแข็งแกร่งของร่างกาย อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่ากีฬามวยนั้น ไม่ได้เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของพละกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงพละกำลังแรงใจอีกด้วย เพราะขณะชกนั้น ผู้ชกจะต้องมีสติ กระบวนการคิด และกระบวนการตัดสินใจอยู่ตลอดเวลาว่าจะเดินเกมรุก หรือเกมรับกับคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างไร ดังนั้นหากใจไม่แข็ง ใจไม่นิ่ง ก็อาจจะทำให้เกิดการใช้อารมณ์ขณะแข่งขันมากกว่าการใช้สติและความคิดก็เป็นได้ เพราะกีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาที่ต้องกระทบกระทั่งกันทางร่างกายตลอดเวลา การเสียการควบคุมของอารมณ์รังแต่จะทำให้เพลี่ยงพล้ำแก่คู่ต่อสู้ และแพ้ได้โดยง่าย

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการเป็นนักมวยมืออาชีพที่ดีได้นั้นมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ของแบบนี้หากมีใจจริงในการฝึกฝน ฝึกซ้อม มีวินัยมากพอ รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองต้องทำอะไร และรู้ว่าอะไรที่ไม่ควรทำ เชื่อแน่ว่าคุณจะสามารถเป็นนักกีฬาชกมวยที่ดีได้อย่างแน่นอน

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/6zwynz

เส้นทางนักแข่งรถมืออาชีพต้องทำอย่างไรบ้าง

เชื่อเหลือเกินว่ากีฬาแข่งรถ เป็นกีฬาที่ใครก็ตามที่ชอบความเร็วต่างก็ต้องเคยใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสได้ลองเป็นนักแข่งรถมืออาชีพเพื่อเข้าแข่งขันในถนนสายแห่งการประลองความเร็วไม่มากก็น้อย แต่จะมีซักกี่คนกันที่มุ่งมั่นและตั้งใจจริงกับความใฝ่ฝันนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนเองก็อาจจะเกิดการตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วไอ้เส้นทางความฝันของการเป็นนักแข่งรถมืออาชีพนั้นเขาทำกันอย่างไรบ้าง วันนี้บทความนี้จะมาไขข้อสงสัย และจะช่วยทำให้ผู้อ่านทุกท่านเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหนทางแห่งฝันของการเป็นนักแข่งรถมืออาชีพนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน หากท่านทำตามวิธีการดังต่อไปนี้

1. อยากเป็นนักแข่งรถมืออาชีพสำคัญเลยคือพื้นฐานการขับขี่ ฟังเผิน ๆ ใครหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าง่ายจะตายแค่ขับรถเป็นเท่านั้นเอง แต่ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่แค่ขับเป็น ขับได้เท่านั้น แต่ต้องขับเก่ง พื้นฐานต้องแน่น ต้องแม่นกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้ในการขับขี่ เพราะกฎ กติกาต่าง ๆ หรือแม้แต่มารยาทในการขับขี่นั้นมีไว้ให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองเป็นสำคัญ ดังนั้นเรื่องนี้จะทำแบบขอไปทีไม่ได้ คนที่จะสามารถเป็นนักแข่งรถมืออาชีพที่ดีได้จะต้องมีความตระหนัก และมีความเข้าใจในความสำคัญของเรื่องนี้อย่างถ่องแท้และลึกซึ้ง ซึ่งหากใครก็ตามที่ยังไม่รู้ว่าวิธีการขับขี่พื้นฐานที่ถูกต้องจริง ๆ เป็นอย่างไร ก็สามารถที่จะไปเข้ารับการสอนกันได้ เพราะปัจจุบันก็มีสถาบันมากมายที่รับเปิดสอนหลักสูตรขั้นพื้นฐานในการขับขี่ ตลอดจนหลักสูตรขั้นสูง ที่จะเพิ่มรายละเอียดในเรื่องของการควบคุมรถ อาทิ การเบรก การเข้าโค้ง การเปลี่ยนเลน การขับรถหลบสิ่งกีดขวางอย่างไรให้ลื่นไหลไม่ติดขัด เป็นต้น

2. หลักสูตรเรซซิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักแข่ง สำหรับใครที่ผ่านขั้นตอนการเรียนขับรถขั้นพื้นฐานและขั้นสูงกันมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องเพิ่มพูนความรู้และทักษะการขับรถเพื่อใช้ในการเข้าแข่งขันกันเพิ่มมากขึ้น โดยการเรียนหลักสูตรสำหรับนักแข่งรถโดยตรง เพราะหลักสูตรนี้ผู้เรียนจะมีความเข้าใจในเรื่องของข้อกำหนดและข้อห้ามต่าง ๆ ในสนามแข่งขันจริงมายิ่งขึ้น ตลอดจนสัญญาณธงต่าง ๆ ที่เขาใช้เป็นสัญลักษณ์ในสนามแข่ง และได้เรียนรู้ถึงคุณสมบัตินักแข่งที่ดีควรเป็นอย่างไร ระดับโทษของนักแข่งที่ทำผิดกฎกติกา และอะไรคือ Racing Line เป็นต้น

3. จบหลักสูตรการเรียนรู้ถึงเวลาลองสนามจริง แต่ก่อนที่คุณจะสามารถได้ชื่อว่าเป็นนักแข่งรถมืออาชีพได้ สิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับใบเบิกทางในการมีอาชีพเป็นนักแข่งรถก็คือการขอ “ใบอนุญาตขับแข่ง” จากทางราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (รยสท.) ซึ่งเป็นการอ้างอิงมาตรฐานจากสหพันธยานยนต์นานาชาติ (Federation International de Automobile : FIA) โดยระยะเวลาในการอนุญาตแข่งขันอยู่ที่ 1 ปี ซึ่งสามารถใช้เข้าแข่งขันรายการใดก็ได้ทั่วประเทศ ซึ่งคุณจะไม่สามารถขอใบอนุญาตขับแข่งได้เลยถ้าหากคุณไม่มีใบประกาศรับรองว่าผ่านการเข้ารับการฝึกอบรมจากหลักสูตรสอนขับขี่รถทั้ง 3 หลักสูตรที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

อย่างไรก็ตามนอกจาก 3 ขั้นตอนที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นเป็นเพียงใบเบิกทางใบแรกในการเข้าสู่เส้นทางสายนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคุณเหมาะกับเส้นทางสายอาชีพของนักแข่งรถ เหมาะที่จะเป็นนักกีฬาแข่งรถหรือไม่ ก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจ ความพยายาม และฝีมือในการขับรถของคุณนั่นเอง

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/47wynz

รู้หรือไม่ MMA คืออะไร

ชนิดกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศิลปะป้องกันตัวใน “ทวีปเอเชีย” นั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลากหลายแขนง และมีมาแล้วอย่างยายนานกว่า 5,000 ปี เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานเป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดการแข่งขันกีฬาทางด้านการป้องกันตัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย มวยสากล เทควันโด ยูโด คาราเต้ บราซิลเลี่ยน กังฟู มวยปล้ำ  แซมโบ้ ฮับกิโด ไอคิโด้ ยูยิสสู หรือจะเป็นกีฬาที่อาศัยอาวุธอย่างเช่น อิไอโด กระบี่กระบอง เคนโด้ หรือการฟันดาบ เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดกีฬาต่างก็ใช้พื้นฐานศิลปะป้องกันตัวหลัก ๆ ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ การล็อก การเหวี่ยงทุ่ม การเตะ การต่อย การออกหมัด เป็นต้น แต่ทราบหรือไม่ว่ามีกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยพื้นฐานศิลปะป้องกันตัวในการต่อสู้ ที่เรียกได้ว่าแทบจะรวมเอาพื้นฐานการต่อสู้ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันนั้นคืออะไร บทความนี้จะไม่ปล่อยให้คุณผู้อ่านทุกท่านต้องคอยนาน ไปศึกษากันได้เลย..

ชนิดกีฬาดังกล่าวที่ว่านั้นก็คือ “Mixed Martial Art (MMA)” หรือที่เรียกกันว่า “ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม” นั่นเอง หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะสงสัยกันว่าแล้วเจ้า MMA นี้มันคืออะไรกันแน่ คำตอบก็คือ MMA คือ กีฬาชนิดหนึ่งที่อาศัยการรวมเอาพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงสาขาเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ทักษะมวยไทย มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ และอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น กติกาก็ไม่มีอะไรมา แค่คู่ต่อสู้แต่ละฝ่ายใช้วิธีการต่อสู้แบบเตะต่อย เทคนิคหลาย ๆ อย่าง เช่น การปะทะ การจับยึด ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นการป้องกันตัวแบบไหน จะยืน จะนั่ง จะนอน ขอเพียงแค่ทำอย่างไรก็ได้ให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าด้วยความที่ศาสตร์การต่อสู้นี้เป็นศาสตร์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากหลาย ๆ ศาสตร์การต่อสู้ นั่นจึงให้ MMA มีเสน่ห์น่าจับตามองไม่เหมือนกีฬาชนิดไหนเลย การดูกีฬาชนิดนี้เรียกได้ว่าผู้ชมแทบจะอยากเข้าไปช่วยฝ่ายที่ตนเชียร์อยู่จริง ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมันทั้งตื่นเต้น มันทั้งน่าลุ้นเป็นอย่างมาก

ส่วนว่าเงื่อนไขที่จะทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้นั้น คืออะไรบ้าง ก็คงต้องบอกว่า ปัจจุบัน การรู้ผลแพ้ชนะกันในกีฬา MMA นั้น ดูกันที่ว่า การน็อคเอาท์ การตัดสินจากกรรมการ การยุติเกมโดยผู้ตัดสิน การยอมแพ้โดยวาจาทั้งจากตัวนักกีฬาเองหรือจากพี่เลี้ยงนักกีฬา เป็นต้น โดยในปัจจุบันเนื่องจากกีฬานี้เรียกได้ว่าเป็นชนิดกีฬาน้องใหม่ จึงยังคงอยู่ในช่วงพัฒนาการของกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันหลัก ๆ แล้วก็คือเริ่มมีการแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันออกเป็นรุ่น ๆ ตามเกณฑ์น้ำหนักคล้ายกันกับกีฬามวย และให้ผู้เข้าแข่งขันสวมถึงมือแบบเปิดนิ้ว (Open-Fingered Gloves) เพื่อป้องกันไม่ให้มือมีอาการบาดเจ็บได้ และที่สำคัญข้อห้ามสำหรับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ฝ่าย คือ ห้ามจิ้มตา ห้ามเตะเป้าของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับกีฬาน้องใหม่อย่าง MMA ที่คุณผู้อ่านหลาย ๆ ท่านก็อาจจะยังไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง หรือรู้จักกันมาก่อน เป็นที่น่าจับตามองเหลือเกินว่ากีฬาชนิดนี้ในบ้านเรานั้นจะสามารถเป็นที่นิยมได้เทียบเท่ากีฬาพื้นบ้านอย่างมวยไทยของเราหรือไม่ แต่ของแบบนี้ถ้าไม่ลองเปิดใจก็อาจจะพลาดรับชมกีฬาสนุก ๆ อีกหนึ่งชนิดกีฬาก็เป็นได้

เครดิตภาพ: http://tiny.cc/iexynz

ผู้ชายทำอาหารอร่อย สาว ๆ คนไหนก็ชอบ

เสน่ห์ปลายจวักนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หากสาว ๆ คนไหนมีติดตัวไว้ เชื่อแน่ ๆ ว่าจะต้องเป็นที่สนอกสนใจต่อหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้าหลายตาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากเสน่ห์จากรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอแล้ว การที่มีรสมือในการทำกับข้าวที่น่าติดอกติดใจก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยมัดใจคุณหนุ่ม ๆ ได้ไม่ยาก ซึ่งอย่าว่าแต่คุณสาว ๆ เลยที่ควรมีความสามารถในการทำกับข้าวติดตัวไว้ เพราะเดี๋ยวนี้คุณหนุ่ม ๆ ทั้งหลายเอง ต่างก็หันมาให้ความสนใจ และมีงานอดิเรกเป็นการทำอาหารกันเพิ่มมากขึ้น เพราะชายหนุ่มหลายคนก็เริ่มมีความเชื่อที่ว่าการมีเสน่ห์ปลายจวักนั้น ก็อาจจะทำให้สาวรักสาวหลงได้ไม่แพ้กัน เราไปดูกันดีกว่าว่าทำไมสาว ๆ ถึงมักชอบผู้ชายที่สามารถทำอาหารได้อร่อยติดใจ

1.ผู้หญิงส่วนใหญ่มองว่าผู้ชายทำอาหารอร่อยเป็นคนน่าค้นหา เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ความคาดหวังในเรื่องของการทำอาหารอร่อยนั้น ส่วนใหญ่คนส่วนมากมักจะคาดหวังให้ความสามารถนี้มีในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งก็อาจจะเป็นผลมาจากความเชื่อในเรื่องของความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของคนในสังคมไทยมาแต่เก่าก่อน ว่าจะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นที่มีหน้าที่คอยดูแลกับข้าวกับปลาในบ้าน ดังนั้นหนุ่ม ๆ คนไหนที่ดันมีความสามารถนี้ จึงกลายเป็นคนที่น่าค้นหาสำหรับสาว ๆ ส่วนใหญ่ขึ้นมาเลยทีเดียว

2.ผู้หญิงมักมองว่าผู้ชายที่มีงานอดิเรกเป็นการทำอาหารมักเป็นคนใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงโดยทั่วไปมักชอบผู้ชายที่คอยใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอ และการที่ผู้ชายคนไหนมีงานอดิเรกเป็นการทำอาหาร ก็บ่งบอกได้ในระดับหนึ่งว่าผู้ชายคนนั้นค่อนข้างเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดในชีวิตพอสมควร เพราะการจะเป็นคนที่ทำอาหารได้ดี และอร่อยนั้น จะต้องมีความใส่ใจมากพอสมควร ดังนั้นผู้ชายที่เก่งทางด้านอาหารและงานครัวจึงค่อนข้างเป็นที่สนใจกับผู้หญิงส่วนใหญ่

3.ลึก ๆ แล้วผู้หญิงก็ชอบความเป็นพ่อบ้านในตัวผู้ชาย แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าบ้านไหนคุณผู้ชายมีความเป็นพ่อบ้านสูง ก็มักจะทำให้คุณแม่บ้านมีภาระงานบ้านในมือลดลงไปด้วย ยิ่งเป็นเรื่องของการทำอาหารด้วยแล้ว การมีคนช่วยกันคิดช่วยกันทำอาหารแต่ละมื้อและในแต่ละวัน ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ สำหรับคุณผู้หญิง หรืออีกนัยหนึ่งด้วยความที่ปัจจุบันผู้หญิงก็ออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างจากผู้ชาย ดังนั้นการที่ฝ่ายชายสามารถช่วยแบ่งเบาภาระในครัวไปได้ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าการมีแฟนหนุ่มทำกับข้าวอร่อย แฟนสาวก็สบายไปหลายอย่างนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อรู้กันแบบนี้แล้ว คุณหนุ่มคนไหนกำลังคิดหาวิธีจีบสาวที่ตัวเองชอบอยู่ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะมัดใจสาวเจ้าด้วยวิธีไหน ก็ขอให้งานอดิเรกอย่างการทำอาหารเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง เพราะไม่แน่ว่างานอดิเรกชนิดนี้อาจจะทำให้คุณได้ใจสาว ๆ ที่หมายปองมาครอบครองก็เป็นได้